โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมให้การแถลงข่าว โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ว่าโครงการดังกล่าว เป็นโครงการตามแผน PDP ๒๐๑๕ ของกระทรวงพลังงาน ซึ่งเข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (รายงาน EHIA) และเป็นโครงการของรัฐที่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการ ซึ่งในการพิจารณารายงานฯ สผ. โดยคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) ได้พิจารณารายงานฯ และให้ความเห็นเป็นไปตามหลักวิชาการ ซึ่งความเห็นของ คชก. ไม่ใช่การอนุมัติโครงการ แต่จะใช้ประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาอนุมัติโครงการของคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ เป็นไปตามมาตรา ๔๗ แห่ง พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕
การพิจารณารายงาน EHIA กฟผ. ได้เสนอรายงาน EHIA ให้ สผ. พิจารณา เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ คชก.ด้านโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ได้ประชุมเพื่อพิจารณารายงานดังกล่าวรวมทั้งรายงานชี้แจงเพิ่มเติม รวมทั้งสิ้น ๖ ครั้ง โดยในการประชุมครั้งที่ ๓๕/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ คชก. ได้พิจารณารายงานฯ รวมทั้งหนังสือและประเด็นการคัดค้านโครงการ ๓ เครือข่าย (เครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ เครือข่ายคนสงขลาปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน และเครือข่ายนักวิชาการภาคใต้คัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน) ประกอบการพิจารณารายงานฯ โดย กฟผ. ได้ชี้แจงประเด็นที่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นว่ารายงานฯ มีข้อมูลครบถ้วนเพียงพอสำหรับการพิจารณาของ กก.วล. โดยให้ กฟผ. รวบรวมข้อมูลในรายงานฯ และข้อมูลที่ได้ชี้แจงเพิ่มเติมทุกฉบับ รวมทั้งข้อมูลที่ปรับแก้ไขตามข้อคิดเห็นของ คชก. จัดทำเป็นรายงานฯ ฉบับสมบูรณ์ เสนอให้ สผ. พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอน และนำเสนอ กก.วล. เพื่อประกอบการพิจารณาของ ครม. ตามขั้นตอนต่อไป
การมีส่วนร่วมของประชาชน ในกระบวนการจัดทำและพิจารณารายงาน EHIA สผ. ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นได้ตลอดทุกขั้นตอน ตั้งแต่ในการจัดทำรายงาน EHIA ซึ่งจะต้องจัดให้มีการรับฟังความเห็นของประชาชนตามแนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนที่ สผ. ได้กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางในการจัดทำรายงาน EHIA ลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๒ โดยมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างน้อย ๓ ครั้ง คือ ในขั้นตอนการกำหนดขอบเขตและแนวทางการศึกษาผลกระทบ ขั้นตอนการประเมินและจัดทำรายงานฯ รวมถึงขั้นตอนการทบทวนร่างรายงานและมาตรการต่าง ๆ เพื่อประกอบการศึกษาข้อมูลและจัดทำมาตรการให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่ง กฟผ. ได้จัดให้มีการรับฟังความเห็นของประชาชน ดังนี้
(๑) การรับฟังความคิดเห็น เพื่อกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Public Scoping) โดยการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นฯ รวมทุกตำบลครบทุกตำบลในพื้นที่ศึกษา รวม ๑ ครั้ง ณ องค์การบริหารส่วนตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยมีผู้เข้าร่วม ๓,๘๖๐ คน
(๒) กระบวนการรับฟังความคิดเห็น ในขั้นตอนการประเมินและจัดทำรายงานฯ ประกอบด้วย การประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) จำนวน ๒๔ ครั้ง ระหว่างวันที่ ๑๑-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ มีผู้เข้าร่วม ๗๐๘ คน และการสำรวจความคิดเห็นหน่วยงานราชการ ผู้นำชุมชน ครัวเรือน (การสัมภาษณ์โดยใช้แบบสอบถาม) ระหว่างวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ จำนวนรวม ๑,๔๖๑ ตัวอย่าง
(๓) การรับฟังความคิดเห็นเพื่อทบทวนร่างรายงานฯ (Public Review) โดยการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นฯ รวมทุกตำบลครบทุกตำบลในพื้นที่ศึกษา รวม ๑ ครั้ง ณ องค์การบริหารส่วนตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ มีผู้เข้าร่วม ๖,๔๙๘ คน
ทั้งนี้ กฟผ. ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนสอดคล้องกับประกาศกระทรวงดังกล่าว โดยครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายอย่างน้อย ๗ กลุ่มหลัก ได้แก่ ๑) ผู้รับผลกระทบจากโครงการ ๒) หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดทำรายงานฯ ได้แก่ เจ้าของโครงการ และนิติบุคคลผู้มีสิทธิจัดทำรายงานฯ ๓) หน่วยงานที่ทำหน้าที่พิจารณารายงานฯ ๔) หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ๕) องค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม องค์กรพัฒนาเอกชน สถาบันการศึกษา และนักวิชาการอิสระ ๖) สื่อมวลชน และ ๗) ประชาชนทั่วไป
ส่วนในขั้นตอนการพิจารณารายงาน EHIA สผ. ได้เปิดโอกาสให้ทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับโครงการสามารถจัดส่งข้อมูลความคิดเห็นหรือข้อวิตกกังวลต่อโครงการให้ สผ. นำเสนอ คชก. เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณารายงานฯ ได้ตลอด โดยที่ไม่จำเป็นต้องรอให้มีการจัดประชุมพิจารณา และที่ผ่านมา คชก. ยังได้เคยเชิญผู้แทนเครือข่ายผู้คัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาเข้าร่วมชี้แจงข้อห่วงกังวลและข้อเท็จจริงต่อ คชก. ในการประชุมครั้งที่ ๒๙/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๙ ซึ่งเครือข่ายผู้คัดค้านโครงการได้มีหนังสือแจ้งไม่เข้าร่วมประชุมในวันดังกล่าว อย่างไรก็ตาม คชก. ก็ได้นำประเด็นข้อคิดเห็นของเครือข่ายผู้คัดค้านโครงการมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณารายงานฯ ด้วย นอกจากนี้ ก่อนการอนุญาตโครงการหน่วยงานผู้อนุญาตยังจะต้องมีการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการอนุญาตด้วย ทั้งนี้ เป็นไปตามมาตรา ๕๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
นอกจากนี้ สำหรับการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีการจัดกิจกรรมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๐ ซึ่งจัดขึ้น ๓ เวที ใน ๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา จังหวัดกระบี่ และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีการนำเสนอข้อมูลสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ ข้อมูลทางเลือกพลังงานไฟฟ้า การดูแลสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมของประชาชนในภาคพลังงานไฟฟ้า และข้อพิจารณาผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้แสดงความคิดเห็นด้วย
มาตรการที่สำคัญ ในการพิจารณารายงาน EHIA คชก. ด้านโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ได้ลงตรวจสอบพื้นที่โครงการและสภาพแวดล้อมโดยรอบ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณารายงานฯ ด้วย โดย คชก. ได้พิจารณารายงาน EHIA รวมถึง ๖ ครั้ง ซึ่งเป็นการพิจารณารายงานฯ อย่างรอบคอบ และมีประเด็นข้อคิดเห็นให้ กฟผ. และบริษัทที่ปรึกษาชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมและแก้ไขข้อมูลในแต่ละประเด็นอย่างละเอียดชัดเจน รวมทั้งเห็นว่าโครงการฯ มีมาตรการในการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการในการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว เพื่อเสนอดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป โดยมีมาตรการที่สำคัญ ยกตัวอย่างเช่น
- มีการติดตั้งระบบบำบัดมลพิษทางอากาศ ได้แก่ หัวเผาของหม้อไอน้ำมลพิษต่ำชนิด Low NOx Burner เพื่อลดอัตราการเกิดก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน ระบบกำจัดก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน (SCR) ระบบดักฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิต (ESP) และระบบกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ด้วยน้ำทะเล (SWFGD) โดยมีการกำหนดค่าควบคุมการระบายมลพิษที่เข้มงวดกว่ามาตรฐาน รวมทั้งมีการติดตั้งระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ระบายออกจากปล่องอย่างต่อเนื่อง (CEMs) ด้วย
- การควบคุมการปลดปล่อยปรอทออกจากโครงการ สามารถควบคุมได้โดยการกำหนดคุณภาพของเชื้อเพลิงถ่านหินที่ใช้ ซึ่งโครงการกำหนดให้มีปรอทในถ่านหินได้ไม่เกิน ๐.๑ มิลลิกรัม/กิโลกรัม และการควบคุมก่อนปล่อยออกจากปล่องโดยติดตั้งระบบดักจับปรอทโดยใช้ผงกัมมันต์ (ACI) ซึ่งได้กำหนดค่าการระบายปรอทออกจากปล่องโดยอ้างอิงตามร่างมาตรฐานสหภาพยุโรป (EU) ที่ไม่เกิน ๔ ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (ซึ่งมาตรฐานการระบายปรอทจากโรงงานที่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิงตามมาตรฐานของกรมโรงงานอุตสาหกรรม กำหนดไว้ไม่เกิน ๒.๔ มิลลิกรัม/ลูกบาศก์เมตร หรือ ๒,๔๐๐ ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร)
- ติดตั้งอุปกรณ์ติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำแบบต่อเนื่อง บริเวณจุดตรวจสอบคุณภาพน้ำก่อนปล่อยออกสู่ทะเล พร้อมทั้งจัดทำป้ายแสดงผลการตรวจวัดเพื่อเปิดเผยข้อมูลคุณภาพสิ่งแวดล้อมแบบ Real Time Online ทุกชั่วโมง
- การจัดหาสถานที่ก่อสร้างโรงเรียนแห่งใหม่เป็นไปตามความต้องการของคณะกรรมการของโรงเรียน
- การชดเชยค่าที่ดินและทรัพย์สินของประชาชนจะมีการกำหนดให้มีตัวแทนภาคประชาชนเป็นกรรมการร่วมอยู่ในคณะกรรมการกำหนดราคาที่ดินและทรัพย์สินด้วย เพื่อให้มีการจ่ายเงินทดแทนที่เหมาะสมและเป็นธรรม ทั้งนี้ มีการชดเชยและเยียวยาราษฎรที่เข้าครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐด้วย
- กำหนดให้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อติดตามการปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ของ กฟผ. โดยมีผู้แทนภาคประชาชน ผู้แทนภาครัฐหรือหน่วยงานท้องถิ่น ร่วมเป็นกรรมการด้วย
- จัดให้มีโครงการหรือกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างความมั่นคงและความเจริญของชุมชน เช่น การส่งเสริมพัฒนาศักยภาพด้านการทำประมงอย่างยั่งยืน การส่งเสริมการประกอบอาชีพท้องถิ่น การฟื้นฟูป่าชายเลนด้วยการปลูกต้นโกงกาง สนับสนุนด้านการซ่อมแซมและบูรณะศาสนสถาน เป็นต้น
ทั้งนี้ สามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สผ. ๐ ๒๒๖๕ ๖๕๐๐ ต่อ ๖๘๒๒ ,๖๘๒๖
ด้าน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงโครงการโรงไฟฟ้าเทพา จังหวัดสงขลา ว่าเป็นโครงการที่เกิดขึ้นตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP2015) เพื่อแก้ปัญหาความไม่มั่นคงระบบไฟฟ้าในภาคใต้ ซึ่งกฟผ. ได้ลงพื้นที่ให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกระตุ้นให้คนในชุมชนใช้สิทธิ์แสดงความคิดเห็นอย่างเสรี โดยขั้นตอนการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) นั้น กฟผ. ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำ EHIA และจัดเวทีให้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง พร้อมรับทุกข้อห่วงกังวลมาปรับปรุงเพื่อพัฒนาโครงการร่วมกัน ซึ่งได้ถูกบันทึกและรวบรวมเป็นมาตรการเพื่อลดความวิตกกังวลและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งนี้ กฟผ. ใช้เวลาในการศึกษาและจัดทำรายงาน EHIA ประมาณ 1 ปี จากนั้นคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) ได้ใช้เวลาในการพิจารณารายงาน EHIA อย่างรอบคอบอีกถึง 1 ปี 10 เดือน รวมเป็นเวลาเกือบ 3 ปี คชก. จึงได้พิจารณาเห็นว่าข้อมูลในรายงานฉบับดังกล่าวมีความครบถ้วน ซึ่งจากนี้จะได้มี การนำรายงานฉบับสมบูรณ์เสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ก่อนนำเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) เพื่อประกอบการพิจารณาของ ครม. ตามขั้นตอนต่อไป