ปลัด ทส. ประชุม ทสจ. ทั่วประเทศ ติดตามความก้าวหน้า 4 งานสำคัญ เร่งแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน 

วันนี้ (18 พฤษภาคม 2564) เวลา 10.00 น. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) เป็นประธานการประชุมทางไกล (VDO conference) เพื่อติดตามงานสำคัญของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานระดับกรม และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ ณ ห้องประชุม ชั้น 17 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 

ในการประชุมฯ ปลัดกระทรวงฯ ได้ติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค พร้อมทั้งได้มีข้อสั่งการในการเร่งรัดการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ในงานที่สำคัญ 4 เรื่อง ได้แก่ 1) การอนุญาตใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ 2) โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) 3) โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า และ 4) การเตรียมพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยในปี 2564 

โดยเรื่องแรก ได้แก่ การอนุญาตให้ใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าไม้ ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2564 ซึ่งในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ได้เห็นชอบขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ โดยให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ภายใน 120 วันนั้น ปลัดกระทรวงฯ จึงได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเร่งรัดดำเนินการตามมติ ครม. ดังกล่าว และนำมติ ครม. ดังกล่าวเข้าแจ้งต่อที่ประชุมประจำจังหวัด เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ และเร่งรัดให้แต่ละจังหวัดดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ส่งให้กรมป่าไม้ดำเนินการพิจารณาอนุญาตให้ใช้ประโยชน์พื้นที่ต่อไป ทั้งนี้ หากมีข้อสังเกตเพิ่มเติมในการดำเนินงาน ขอให้แต่ละจังหวัดรายงานเข้ามาให้กระทรวงฯ ทราบ เพื่อพิจารณาดำเนินการแก้ไขประเด็นที่เป็นข้อติดขัดต่อไป เนื่องจากหลังจากนี้ จะไม่มีการขยายเวลาเพิ่มเติมให้กับพื้นที่ที่ยังไม่ได้ขออนุญาตเข้าใช้ประโยชน์อีกแล้ว
 
เรื่องที่สอง ในส่วนของการติดตามความก้าวหน้าโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ปลัดกระทรวงฯ ขอให้ทุกจังหวัดเร่งรัดการดำเนินงานสำรวจตรวจสอบพื้นที่ และเร่งนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการระดับจังหวัด เนื่องจากเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล พร้อมทั้งได้มีข้อสั่งการให้ทุกจังหวัดจัดทำแผนการดำเนินงานที่มีห้วงระยะเวลาของการทำงานที่ชัดเจน ส่งให้กระทรวงฯ ภายใน 30 วัน เพื่อเป็นกรอบการทำงานของแต่ละจังหวัดต่อไป ทั้งนี้ หากมีข้อติดขัดในประเด็นใดให้รวบรวมรายงานไว้เป็นข้อสังเกต เพื่อให้ทางกรมป่าไม้ และกระทรวงฯ ดำเนินการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป 

สำหรับเรื่องที่สาม โครงการการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า เนื่องจากเป็นโครงการสำคัญที่ได้ดำเนินการร่วมกับศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.) และในช่วงนี้ได้เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว จึงขอให้ทุกจังหวัดเตรียมการปลูกป่าให้ได้ตามจำนวนเป้าหมายที่กำหนด โดยจะเริ่มดีเดย์ปลูกต้นไม้พร้อมกันทั่วประเทศในช่วงสัปดาห์หน้า เพื่อให้เป็น สัปดาห์แห่งการปลูกต้นไม้ เนื่องจากในสัปดาห์หน้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2564 จะตรงกับวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ จึงขอให้ ทสจ. ทุกจังหวัด ประสานทุกหน่วยงานในสังกัด ทส. ที่อยู่ในพื้นที่ ดำเนินกิจกรรมปลูกต้นไม้โดยพร้อมเพรียงกันตามความเหมาะสม รวมถึงประสานขอความร่วมมือกับภาคเอกชน และหน่วยงานในพื้นที่ ในการเข้าร่วมโครงการฯ นอกจากนี้ ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ มีภาวะฝนทิ้งช่วง ที่อาจส่งผลให้มีปริมาณจุดความร้อนเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงขอให้พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ยังคงตรึงกำลังดูแลควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันอย่างเคร่งครัดต่อไปอีกระยะหนึ่งด้วย

และในเรื่องสุดท้าย เรื่องที่สี่ คือ การเตรียมความพร้อมเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ปัญหาอุทกภัยในฤดูฝน ปี 2564 ขอให้ ทสจ. เป็นศูนย์กลางประสานงานกับกรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล หน่วยงานของ ทส. ในส่วนภูมิภาคใกล้เคียง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัด เพื่อเป็นศูนย์กลางการประสานในระดับจังหวัดของ ทส. ในการเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์ให้ความช่วยเหลือ เครื่องมือที่จำเป็นเมื่อเกิดเหตุการณ์ และการเข้าถึงพื้นที่ โดยปลัดกระทรวงฯ ได้สั่งการให้แต่ละจังหวัดเร่งจัดทำแผนในการกำหนดพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม น้ำแล้ง ซ้ำซาก ที่มีแผนการทำงาน ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเกิดเหตุการณ์ ที่ชัดเจน การประสานงานร่วมกับแต่ละหน่วยงาน รวมถึงแนวทางการซักซ้อมหากเกิดเหตุการณ์ขึ้น เพื่อให้การดำเนินงานเมื่อเกิดเหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เป็นระบบ ไม่เกิดความตระหนก สามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที 

โดยในช่วงท้ายของการประชุม ปลัดกระทรวงฯ ได้กล่าวทิ้งท้าย ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และขอความร่วมมือให้ทุกจังหวัดดูแลให้เจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด เพื่อช่วยกันป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรค covid-19 ด้วย